งานวิจัยใหม่จากวารสารวิชาการต่างประเทศ พูดถึงเรื่องการดูทีวีของเด็กที่มากเกินไป อาจจะส่งผลถึงการที่เด็กคนนั้นจะถูกรังแกมากขึ้นเมื่อโตขึ้น โดยอาจจะมีผลมาจากทักษะทางสังคมที่ไม่ดี เพราะมัวแต่ดูทีวี
นอกจากปัญหาทักษะสังคมที่เกิดจากการที่มัวแต่ดูทีวีแล้ว มีเด็กหลายคนที่มาด้วยปัญหาเรื่องไม่พูดหรือช้า ปกติแล้วเด็กอายุหนึ่งปีมักจะพูดคำเดี่ยวหนึ่งพยางค์ได้ เช่น เรียก ป๊า ม้า จนถึงสองขวบก็จะพูดคำศัพท์พยางค์เดียวได้หลายคำ และพูดคำสองคำติดกันที่มีความหมายได้ และก็จะพูดได้มากขึ้นเรื่อยๆตามวัย
สาเหตุหนึ่งที่มักทำให้เด็กไทยพูดช้า คือ การที่พ่อแม่ไม่มีเวลาพูดคุยกับเด็ก คนเลี้ยงไม่มีเวลา ปล่อยให้เด็กอยู่กับทีวี เปิดให้ดูไปเรื่อยๆบางทีเพราะว่าเด็กนั่งได้นานดีเมื่ออยู่กับทีวี ไม่งอแงไม่ร้องไห้
บางคนคิดว่าเปิดทีวีให้เด็กดูทำให้เด็กได้ยินคนคุยกันน่าจะทำให้พูดได้เร็ว จริงๆไม่ใช่ เพราะการส่งเสริมพัฒนาการทางภาษานั้นจะต้องเป็นการส่งเสริมการสื่อภาษาแบบสองทาง (two-way communication) แต่การเปิดทีวีให้เด็กดูเป็นการสื่อสารทางเดียว (one-way communication)
การสื่อสารแบบสองทาง ที่ช่วยกระตุ้นให้เด็กพูดเร็วขึ้น คือ การที่ผู้ดูแลพูดคุยกับเด็ก ชี้ชวนให้เด็กดูสิ่งต่างๆ เช่น บอกเด็กว่า “นี่เป็นคุณพ่อ” “ตัวนี้คือแมว” “แม่รักลูก” และเด็กมีปฏิกิริยาตอบสนองกับคนพูด เช่น ส่งเสียงอ้อๆแอ้ๆ ก็ถือเป็นการรับรู้ เข้าใจไปตามวัย
ถ้าเด็กอายุขวบครึ่งแล้วแต่ยังพูดคำพยางค์เดียวไม่ได้ เป็นข้อบ่งชี้ที่ควรพาเด็กไปปรึกษาจิตแพทย์เด็กหรือกุมารแพทย์พัฒนาการเด็ก เพื่อการหาสาเหตุ และกระตุ้นช่วยเหลือต่อไป
ยังไงก็ดี แม้ว่าเด็กจะพูดได้ปกติแล้ว แต่เราก็ควรจะระวังในเรื่องภัยที่มากับทีวีด้วย
เด็กกับทีวีสมัยนี้เหมือนเป็นของคู่กัน แต่ต้องไม่ลืมว่าการดูทีวีก็มีผลเสียกับเด็กได้ในหลายๆด้าน ยิ่งสมัยนี้มีแท็บเล็ต มีสมาร์ทโฟน การดูทีวี/คลิปต่างๆเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ยิ่งเพิ่มเวลาในการดูทีวีหรืออะไรที่เกี่ยวกับจอมากขึ้น หลายๆครอบครัวต้องเปิดทีวีระหว่างมื้ออาหารให้เด็กยอมกินข้าว
มีงานวิจัยที่บอกว่าการดูทีวีมากกว่า 2 ชม.ต่อวันทำให้เพิ่มแนวโน้มการเป็นสมาธิสั้นของเด็ก การดูทีวีที่มากจนไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอทำให้เด็กมีผลการเรียนที่ตกต่ำลง นอกจากนั้นยังขาดโอกาสในการทำกิจกรรมสร้างสรรค์พัฒนาตัวเอง เช่น อ่านหนังสือ เล่นดนตรี กีฬา ลดเวลาในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่น น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมีโรคอ้วนตามมาได้
เด็กที่ดูทีวีที่มีเนื้อหารุนแรงจะมีแนวโน้มเลียนแบบพฤติกรรมรุนแรง ถ้าเป็นเด็กเล็กๆก็อาจจะกลัวมีปัญหาการนอนตามมาได้
สมาคมกุมารแพทย์อเมริกันได้กำหนดไว้ว่า ไม่ควรให้เด็กอายุน้อยกว่า 2 ปีดูทีวี และก็ไม่ควรดูเกิน 1-2 ชม.ต่อวัน (แต่สำหรับชมรมจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นของไทยแนะนำพ่อแม่ว่า ขอให้งดทีวีและอะไรก็ตามที่มีจอ จนกว่าอายุ3ขวบ) เพราะจะมีผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กได้ ตามที่หมอเล่า บ่อยๆที่พ่อแม่พาเด็กมาหาหมอด้วยเรื่องพูดช้าและเมื่อซักประวัติไปพบว่าเปิดทีวีให้เด็กดูเกือบทั้งวัน
แทนที่จะดูทีวี ก็พาเด็กไปเดินเล่นในสวนใกล้บ้าน เล่นกีฬาด้วยกัน ถ้าเป็นเด็กเล็กๆก็เล่านิทานให้ฟัง เล่นอะไรสนุกๆกันกับเด็ก และถ้าต้องนั่งดูทีวีด้วยกันก็เลือกรายการที่ให้ความรู้หรือมีข้อคิด และระหว่างดูก็ควรพูดคุยถามความคิดเห็นพร้อมกับแนะนำเด็กไปด้วย ดังนั้นคราวหน้าถ้าเปิดทีวีให้ลูกๆหลานๆก็คงต้องคิดดีๆก่อน
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: http://www.sepeap.org/wp-content/uploads/2015/07/20150717-PAGANI.pdf
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก: https://www.facebook.com/kendekthai/

