ซื้ออะไรให้สมองลูกดี โดย หนูดี วนิษา เรซ

สมมติว่า เรามีงบ 1 หมื่นบาทสำหรับซื้อของเล่น

หรืออุปกรณ์พัฒนาฝึกสมองให้กับลูก เราจะซื้ออะไรดี

หนูดีมักเจอคำถามแบบนี้บ่อย อาจจะไม่ได้ตั้งงบมาให้

แต่เป็นการถามว่า

“จะซื้อของเล่นอะไรให้ลูกดี ลูกถึงจะเป็นอัจฉริยะ” 

อันดับแรกเราคงต้องย้อนกลับไปดูนิยามคำว่า `อัจฉริยะ´

ของแต่ละคนกันก่อน

เพราะเราแต่ละคนมีนิยามคำนี้ไม่เหมือนกันแน่ ๆ

สำหรับหนูดีเอง คำนิยามนั้นอยู่ในหนังสือ “อัจฉริยะสร้างได้” นั่นก็คือ…

`อัจฉริยภาพ´ของคนมีหลายด้านและทุกคนมีแล้วในตัว

…ปัญหาคือ สำหรับหลาย ๆ คน

มันซ่อนอยู่และไม่โชว์ตัวออกมาเป็นศักยภาพที่จับต้องได้เสียที

ตรงนี้ล่ะที่พ่อแม่และโรงเรียนจะต้องมีบทบาท

เข้ามาพัฒนาเด็ก ๆ ร่วมกัน เพื่อให้เขาแสดงออกมา

ให้กับโลกภายนอกมองเห็นได้

แต่สำหรับหนูดีแล้ว เหนือสิ่งอื่นใด “อัจฉริยภาพ” คือ

ความสามารถในการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็น

ปัญหาระดับเด็ก ๆ ที่แย่งของเล่นกัน หรือปัญหาระดับชาติ

สิ่งนี้พัฒนาไปตามวัย และปัญหาก็ยากง่ายซับซ้อนขึ้นไปตามอายุของเราที่โตขึ้นมา

ดังนั้น การเลือกของเล่นพัฒนาสมอง มีกฎหลัก ๆ 3 ข้อ…

::::::::::::::::::

1. พ่อแม่ คือของเล่นราคาแพงที่สุดของลูก

หากของเล่นชิ้นไหน พ่อแม่เล่นด้วยได้
พูดคุยสอนลูกไปด้วยได้ ของเล่นชิ้นนั้นจะนับว่าได้คะแนนสูง

 

2. ของเล่นต้อง “ไม่คิดมาให้เด็กแล้วทั้งหมด” นั่นก็คือ

หากเป็นของเล่นที่ซับซ้อน มีการคิดกระบวนการเล่นไว้แล้วเสร็จสรรพ

เด็กไม่ต้องคิด ไม่ต้องทำอะไรเลย แค่เล่นไปให้จบตามที่คนออกแบบของเล่นกำหนดไว้ ก็เพียงพอแล้ว

อันนี้ ไม่สนับสนุน เพราะจะเป็นการฝึกให้ลูกเราไม่ต้องคิด ฝึกให้เป็นผู้ตามอย่างเดียว ของเล่นมันสร้างสรรค์เกินจนกลายเป็นผู้นำของเด็กโดยไม่เจตนา

สังเกตว่า ของเล่นแพง ๆ มักอยู่ในกลุ่มนี้ แถมมักจะเป็นกลุ่มเสียบปลั๊กใช้ไฟฟ้าด้วย เช่น เกมวิดีโอต่าง ๆ หรือเกมที่มีการเริ่มต้น กลาง จบที่ชัดเจน

3. ระลึกไว้เสมอว่า ของเล่นที่ดีคือ “เป็นของเล่นแค่ 10% ส่วนอีก 90% ต้องเป็นจินตนาการของลูก” 

เพราะจะฝึกให้เด็กได้ออกแบบวิธีเล่นเอง คิดและสร้างสรรค์เอง

ของเล่นประเภทนี้จะดูบ้าน ๆ มาก ราคาไม่แพง
เช่น กิ่งไม้ ใบตอง เครื่องครัวดินเผา ม้าก้านกล้วย สาคู
ถ้วยตวง หุ่นนิ้วมือ หุ่นมือ โรงหุ่นทำจากลังกระดาษ

ลังกระดาษเปล่า ๆ ฯลฯ

หรือถ้าจะเล่นให้หรูขึ้นมาหน่อย ก็คือ

ไม้บล็อคแบบไม้จริง อันนี้ หนูดียินดีให้ทุ่มทุนไปเลย
ซื้อมาหลาย ๆ เซ็ตแล้วให้ห้องเด็กเป็น
“ห้องบล็อค” ไปห้องหนึ่งเลย ไม่ต้องรื้อ

แต่ให้เขาสร้างเพิ่มไปเรื่อย ๆ

ไม้บล็อคช่วยสร้างกระบวนการคิดหลายอย่าง

โดยเฉพาะทักษะคณิตศาสตร์ เด็กที่เล่นบล็อค
มาเยอะจะเข้าใจคอนเซปต์คณิต

โดยเฉพาะเรื่องรูปทรงและปริมาตรเร็วมากจนน่าทึ่ง

อีกสิ่งที่เล่นได้ดีไม่แพ้บล็อคคือ เลโก้

ต้องขอคารวะคนคิด วิธีการเลือกง่ายดาย
ยิ่งเด็กอายุน้อยเท่าไร ยิ่งต้องเลือกของเล่น
หรือพู่กัน ดินสอ แปรง ที่อันใหญ่ขึ้นเท่านั้น

เพราะกล้ามเนื้อมือยังไม่แข็งแรง

ดังนั้น มีบล็อคและเลโก้เท่านั้น

ที่เป็นของแพงแล้วมาอยู่ใน Category

ของเล่นที่น่าเลือกลงทุน

นี่คือ คำแนะนำสำหรับเด็กเล็กในวัยอนุบาล

ซึ่งในการพัฒนาสมองเด็กวัยนี้
ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ

ไม่ควรให้เด็กมาเล่นเกมในมือถือของพ่อแม่

อย่าเห็นว่าน่ารักหากลูกวัยอนุบาลรับมือกับหน้าจอเป็น

เล่นเกมนี้เกมนั้นได้อย่างคล่องแคล่ว
เพราะหน้าจอกับเด็กเล็กไม่ใช่สิ่งที่คู่ควรกัน
สมองของเด็กจำเป็นต้องได้เรียนรู้จากของ

“สามมิติ” คือ จับต้องได้ มีรูปทรง ไม่ใช่ของในหน้าจอ

ส่วนวัยพี่ประถมนั้น หากมีงบ 1 หมื่น

หนูดีจะลงทุน “ซื้อหนังสือ” แน่นอนว่า
ในปัจจุบัน เราดาวน์โหลดในหน้าจอได้

แต่การอ่านหนังสือจากหน้าจอนั้นทำร้ายดวงตากว่าที่เราคิด

แม้จะมีการโฆษณาว่า หน้าจอรุ่นใหม่ถนอมสายตาอย่างไรก็ตาม

คนขายของก็ต้องบอกว่า ของเขาดีอยู่แล้ว
แต่สำหรับหนูดีแล้ว สิ่งใดก็ตามที่ไม่ได้รับการพิสูจน์
โดยงานวิจัยต่อเนื่องเกิน 10 ปีขึ้นไป ก็ขอไม่เชื่อถือไว้ก่อน

เพราะไม่อยากเป็นหนูทดลอง

วันนี้ หากเราเป็นพ่อแม่วัยอนุบาล

ลองมองหาของเล่นที่เป็นของเล่นแค่ “10%”
ดู ส่วนพี่ประถม หากพ่อแม่มีงบไม่เกิน 1 หมื่น
ก็มองหนังสือดี ๆ เป็นตัวเลือกแรก ๆ แล้วคุณจะไม่ผิดหวัง

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก : วนิษา เรซ | คอลัมน์ ฉลาดสุขกับหนูดี – กรุงเทพธุรกิจออนไลน์